(1) กองมรดกหมายถึง ทรัพย์สินของผู้ตายรวมถึงหน้าที่และความรับผิดของผู้ตาย ยกเว้น โดยสภาพแล้วเป็นการเฉพาะตัวของผู้ตายโดยแท้ หรือมีกฎหมายอื่นบังคับไม่ให้เป็นมรดก หรือทรัพย์สินหรือสิทธินั้นไม่ได้มีอยู่ในขณะมีชีวิตหรือได้มาหลังจากเจ้ามรดกถึงแก่ความตายแล้ว
(2) ทำไมต้องจัดการมรดก ก็เพื่อประโยชน์แก่กองมรดกข้างต้นและตามเจตนาของเจ้ามรดกที่แสดงเจตนาไว้ในพินัยกรรม โดยทำการตัวแทนในการจัดการทรัพย์สินของผู้ตายเพื่อแบ่งเป็นให้แก่ทายาทตามส่วนที่แต่ละคนจะได้รับตามกฎหมาย
(3) ผู้จัดการมรดก คือบุคคลซึ่งผู้ทำพินัยกรรมหรือศาลได้แต่งตั้งขึ้น เพื่อปฏิบัติการตามพินัยกรรมหรือจัดการและแบ่งปันทรัพย์มรดกแก่ทายาท ได้แก่การหาตัวทายาท รวบรวมทรัพย์มรดก ติดตามทวงหนี้ ทำบัญชีทรัพย์มรดกและบัญชีจัดการทรัพย์มรดก ชำระหนี้กองมรดกให้แก่เจ้าหนี้ และแบ่งปันทรัพย์มรดกแก่ทายาท เป็นต้น
(4) การตั้งผู้จัดการมรดก มี 2 แบบ ได้แก่
4.1 การตั้งผู้จัดการมรดกโดยพินัยกรรม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1712 ได้กำหนดไว้ว่า “ผู้จัดการมรดกโดยพินัยกรรมอาจตั้งขึ้นได้
(1) โดยผู้ทำพินัยกรรมเอง
(2) โดยบุคคลซึ่งระบุไว้ในพินัยกรรม ให้เป็นผู้ตั้ง”
4.2 การตั้งผู้จัดการมรดกโดยคำสั่งศาล ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713 ได้กำหนดไว้ว่า “ทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียหรือพนักงานอัยการ จะร้องขอต่อศาลขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกก็ได้ ในกรณีดังต่อไปนี้
(1) เมื่อเจ้ามรดกตาย ทายาทโดยธรรมหรือผู้รับพินัยกรรมได้สูญหายไป หรืออยู่นอกราชอาณาเขต หรือเป็นผู้เยาว์
(2) เมื่อผู้จัดการมรดกหรือทายาทไม่สามารถ หรือไม่เต็มใจที่จะจัดการหรือมีเหตุขัดข้องในการจัดการ หรือในการแบ่งปันมรดก
(3) เมื่อข้อกำหนดพินัยกรรมซึ่งตั้งผู้จัดการมรดกไว้ไม่มีผลบังคับได้ด้วยประการใดๆ”
(5)คุณสมบัติเบื้องต้นของผู้จัดการมรดก จะต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1718 ซึ่งกำหนดไว้ว่า
“บุคคลต่อไปนี้จะเป็นผู้จัดการมรดกไม่ได้
(1) ผู้ซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะ
(2) บุคคลวิกลจริต หรือบุคคลซึ่งศาลสั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ
(3) บุคคลซึ่งศาลสั่งให้เป็นคนล้มละลาย”
(6) ใครเป็นผู้มีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลได้บ้าง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา
1713 วรรคแรก กำหนดไว้ว่า “ทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียหรือพนักงานอัยการจะร้องต่อศาลขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกก็ได้ ”
6.1 ทายาท ตามมาตรา 1629 ทายาทโดยธรรมมีหกลำดับเท่านั้น และภายใต้บังคับแห่งมาตรา 1630 วรรค 2 แต่ละลำดับมีสิทธิได้รับมรดกก่อนหลังดังต่อไปนี้ คือ
(1) ผู้สืบสันดาน
(2) บิดามารดา
(3) พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน
(4) พี่น้องร่วมบิดาหรือร่วมมารดาเดียวกัน
(5) ปู่ ย่า ตา ยาย
(6) ลุง ป้า น้า อา
คู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นก็เป็นทายาทโดยธรรม ภายใต้บังคับของบทบัญญัติพิเศษแห่งมาตรา 1635
6.2 ผู้มีส่วนได้เสีย ได้แก่ เจ้าของรวมในทรัพย์มรดก หรือสามีหรือภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส (ไม่ชอบด้วยกฎหมาย) แต่ได้อยู่กินกันฉันสามีภริยาแล้วก่อเกิดทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ร่วมกัน หรือเจ้าหนี้กองมรดก หรือผู้ปกครองทรัพย์ของผู้เยาว์
(7) เอกสารที่ต้องจัดเตรียม ได้แก่
7.1 สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ตาย
7.2 สำเนาใบมรณบัตรของผู้ตาย
7.3 สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ร้อง
7.4 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ร้อง
7.5 สำเนาใบมรณบัตรของบิดามารดา กรณีบิดามารดาของผู้ตาย (เจ้ามรดก) ถึงแก่ความตายก่อนแล้ว
7.6 สำเนาทะเบียนสมรสของสามีหรือภริยาของผู้ตาย
7.7 สำเนาเบียนสมรสพร้อมด้วยทะเบียนการหย่าของภริยาของผู้ตาย
7.8 สำเนาใบสำคัญการเปลี่ยนชื่อตัวชื่อสกุล ของทายาทและผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของผู้ตาย
7.9 สำเนาสูติบัตรของบุตรของผู้ตาย กรณีบุตรยังไม่บรรลุนิติภาวะหรือไม่สามารถให้ความยินยอมได้
7.10 พินัยกรรมของผู้ตาย
7.11 หนังสือให้ความยินยอมในการร้องขอจัดการมรดกและบัญชีเครือญาติ (ทนายจัดทำให้)
7.12 สำเนาเอกสารเกี่ยวกับทรัพย์มรดกของผู้ตาย เช่น สำเนาโฉนดที่ดินและสัญญาจำานอง สำเนาทะเบียนรถยนต์ สำเนาทะเบียนรถยนต์อาวุธปืน สำเนาสมุดบัญชีเงินฝาก สำเนาใบหุ้น และอื่นๆ
7.13 สำเนาบัตรประจำาตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของทายาทผู้ให้ความยินยอม
7.14 สำเนาคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดก ในกรณีที่เคยยื่นคำร้องขอตั้งผู้จัดการมรดกแล้ว แต่ผู้จัดการมรดกถึงแก่ความตายก่อนจัดการมรดกแล้วเสร็จ
(8 )การยื่นคำร้องขอตั้งผู้จัดการมรดก ต้องยื่นคำร้องขอตั้งผู้จัดการมรดกต่อศาลที่เจ้ามรดกมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจศาลในขณะถึงแก่ความตาย แต่หากเจ้ามรดกไม่มีภูมิลำเนาอยู่ในราชอาณาจักร ให้เสนอต่อศาลที่ทรัพย์มรดกอยู่ในเขตอำนาจศาล ซึ่งศาลที่มีอำนาจในการออกคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดก
8.1 ใช้ระยะเวลานานแค่ไหนจึงจะได้คำสั่ง เมื่อยื่นคำร้องต่อศาลแล้ว ศาลจะนัดไต่สวนคำร้องโดยใช้ระยะเวลาประมาณ 45-60 วัน ภายหลังจากไต่สวนคำร้องเสร็จ 1 เดือน ผู้ร้องสามารถขอคัดสำเนาคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดก พร้อมหนังสือรับรองคดีถึงที่สุด เพื่อใช้ดำเนินการโอนทรัพย์มรดกต่อไปได้
8.2 เมื่อได้คำสั่งแล้วทำอย่างไร สามารถนำคำสั่งและหนังสือรับรองคดีถึงที่สุด ไปจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ ณ สำนักงานที่ดินที่ทรัพย์ตั้ง หรือสำนักงานขนส่งเขตพื้นที่หรือจังหวัด หรือธนาคาร แล้วแต่กรณี
(9) หน้าที่ของผู้จัดการมรดก ให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่ได้ฟังหรือถือว่าได้ฟังคำสั่งศาลแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1716 รายละเอียดดังต่อไปนี้
9.1 จัดทำบัญชีทรัพย์มรดก ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่เริ่มหน้าที่ผู้จัดการมรดก นั่นคือ วันฟังคำสั่งศาลหรือถือว่าได้ฟังคำสั่งศาลแล้ว และต้องจัดทำให้เสร็จภายในหนึ่งเดือน หากไม่เสร็จก็สามารถขออนุญาตต่อศาลขยายระยะเวลาอีกได้ ตามมาตรา 1728 และมาตรา 1729
9.2 ถ้ามิได้จัดทำให้เสร็จภายในกำหนดเวลา และตามแบบที่กำหนดหรือบัญชีไม่เป็นที่พอใจแก่ศาล เพราะความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงหรือการทุจริต หรือความไม่สามารถอันเห็นประจักษ์ของผู้จัดการมรดก ศาลจะถอนผู้จัดการมรดกเสียก็ได้ ตามมาตรา 1731
9.3 บัญชีทรัพย์มรดกต้องมีพยาน ๒ คน และต้องเป็นทายาทที่มีส่วนได้เสียในกองมรดก ตามมาตรา 1729 วรรคสอง บัญชีทรัพย์มรดกต้องมีรายการแสดงว่าเป็นทรัพย์สิน สิทธิเรียกร้อง จำนวนเจ้าหนี้ รวมจำนวนเงิน
9.4 ผู้จัดการมรดกต้องจัดการตามหน้าที่ และทำรายงานแสดงบัญชีการจัดการและแบ่งปันมรดกให้เสร็จภายใน 1 ปี นับแต่วันฟังคำสั่งศาล หรือถือว่าได้ฟังคำสั่งศาลแล้วเว้นแต่ทายาทโดยจำนวนข้างมาก หรือศาลจะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ตามมาตรา 1732
9.5 ผู้จัดการมรดกไม่มีสิทธิที่จะได้รับบำเหน็จจากกองมรดกเว้นแต่พินัยกรรมหรือทายาทจำนวนข้างมากจะได้กำหนดไว้ ตามมาตรา 1721
9.6 ผู้จัดการมรดกจะทำพินัยกรรมใด ๆ ซึ่งตนมีส่วนได้เสียเป็นปฏิปักษ์ต่อกองมรดกไม่ได้ เว้นแต่พินัยกรรมจะได้อนุญาตไว้หรือได้รับอนุญาตจากศาล ตามมาตรา 1722
9.7 ผู้จัดการมรดกต้องจัดการมรดกด้วยตนเอง ตามมาตรา 1723
9.8 ถ้าผู้จัดการมรดกเข้าทำนิติกรรมกับบุคคลภายนอก โดยเห็นแก่ทรัพย์สินอย่างใด ๆ หรือประโยชน์อื่นใด อันบุคคลภายนอกได้ให้ หรือได้ให้คำมั่นว่าให้เป็นลาภส่วนตัวย่อมไม่ผูกพันทายาท เว้นแต่ทายาท เว้นแต่ทายาทจะได้ยินยอมด้วย ตามมาตรา 1724 วรรคสอง
9.9 ผู้จัดการ มรดกต้องสืบหาโดยสมควรซึ่งตัวผู้มีส่วนได้เสียและแจ้งไปให้ทราบถึงข้อกำหนดพินัยกรรมที่เกี่ยวกับผู้มีส่วนได้เสียนั้นภายในเวลาอันสมควร ตามมาตรา 1725
9.10 ทายาทจะต้องบอกทรัพย์สินมรดกและหนี้สินของผู้ตายตามที่ตนรู้ทั้งหมดแก่ผู้จัดการมรดก ตามมาตรา 1735
9.11 ผู้จัดการมรดกต้องจัดแบ่งสินมรดกและมอบโดยเร็วโดยชำระหนี้กองมรดก (ถ้ามี) เสียก่อน ตามมาตรา 1744
9.12 ผู้จัดการมรดกต้องจัดการตามหน้าที่ และทำรายงานแสดงบัญชีการจัดการและแบ่งปันมรดกให้เสร็จภายใน 1 ปี นับแต่วันฟังคำสั่งศาล หรือถือว่าได้ฟังคำสั่งศาลแล้วเว้นแต่ทายาทโดยจำนวนข้างมาก หรือศาลจะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ตามมาตรา 1732
9.13 ถ้าผู้จัดการมรดกมิได้จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกให้เสร็จภายในกำหนดเวลาและตามแบบที่กำหนดหรือบัญชีไม่เป็นที่พอใจแก่ศาล เพราะความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงหรือการทุจริต หรือความไม่สามารถอันเห็นประจักษ์ของผู้จัดการมรดก ศาลจะถอนผู้จัดการมรดกเสียก็ได้ ตามมาตรา 1731
(10) ความสิ้นสุดของการเป็นผู้จัดการมรดก การเป็นผู้จัดการมรดกย่อมสิ้นสุดลงเมื่อผู้จัดการมรดกตาย ลาออกโดยได้รับอนุญาตจากศาล ตาม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1727 วรรคสอง หรือตกเป็นบุคคลต้องห้าม ตามมาตรา 1718 หรือผู้จัดการมรดกพ้นหน้าที่เมื่อจัดการมรดกแล้วเสร็จ ตามมาตรา 1732 หรือผู้จัดการมรดกถูกศาลสั่งถอน ตามมาตรา 1727 วรรคแรก
(11) กรณีคัดค้านหรือถอนผู้จัดการมรดก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๒๗ ผู้มีส่วนได้เสียคนหนึ่งคนใดจะร้องขอให้ศาลสั่งถอนผู้จัดการมรดก เพราะเหตุผู้จัดการมรดกละเลยไม่ทำการตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุอย่างอื่นที่สมควรก็ได้ แต่ต้องร้องขอเสียก่อนที่การปันมรดกเสร็จสิ้นลง